สุวรรณ นภาพล

สุวรรณ นภาพล มีชื่อจริงว่า สุวรรณ โสมบุญเสริม เป็นอดีตแชมป์มวยนักเรียนในรุ่นฟลายเวทหลายสมัย เป็นแชมป์มวยสากลสมัครเล่นเหรียญทองประเทศไทย และเป็นตัวแทนทีมชาติไทยเข้าร่วมในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่สองเมื่อปี พ.ศ. 2497 ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ด้วยสุวรรณ นภาพล เคยชกกับโผน กิ่งเพชรมาก่อน ในสมัยที่โผนยังไม่ได้เป็นแชมป์โลก โดยสามารถชกโผนนับ 8 ได้ในยกที่สอง และเมื่อครบ 6 ยก ก็ชนะคะแนนโผนไปแบบขาดลอย ที่เวทีราชดำเนิน ซึ่งเป็นการชกในกรุงเทพมหานครครั้งแรกของโผนด้วยจากนั้นสุวรรณได้ไปอยู่ที่เกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย โดยอยู่กับโปรโมเตอร์ โรเบิร์ต หลิม สุวรรณขึ้นชกที่เกาะปีนังผลัดแพ้ - ชนะกับ เฟลิกซ์ บอย นักมวยเจ้าถิ่น 2 ครั้ง 2 ครา จึงเดินทางกลับมาประเทศไทยและมาเป็นคู่ซ้อมให้กับโผน กิ่งเพชร คู่ปรับเก่า ซึ่งขณะนั้นโผนได้เป็นแชมป์โลกแล้ว แต่ทั้งคู่ไม่เคยได้พิสูจน์ฝีมือกันอีกครั้งบนผืนสังเวียนผ้าใบอีกเลยประวัติการชกมวยจากคำบอกเล่าของสุวรรณ (นภาพล) โสมบุญเสริม (22/11/2008)โดย ธนาวรรณ โสมบุญเสริม (บุตรี)เริ่มต้นชกมวยครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๓ จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๐๖ จึงเลิกชกมวย หลังจากทำงานให้บริษัทไฟสโตน จำกัด เพราะกรรมการผู้จัดการขอร้องให้เลิกชก รวมสถิติการชกมวยทั้งมวยนักเรียน มวยสากลสมัครเล่น และมวยอาชีพ ทั้งหมด ๙๘ ครั้ง ผลรางวัลที่ได้รับจากการแข่งขัน คือ ๗ แชมป์ ในการชกมวยทั้งหมดทั้งมวยไทยและมวยสากล โดยได้แชมป์มวยสากลครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ในการแข่งขันมวยมวยสากลนักเรียน เมื่อเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ ๔ครั้งแรกในชีวิตชกมวยไทย, ระยะทางที่เดินทางไปโรงเรียนปทุมคงคาต้องเดินผ่านวัดไตรมิตร เผอิญที่งานวัดไตรมิตรมีการแข่งขันชกมวยด้วย จึงได้ไปเปรียบและขึ้นชกมวยไทย ได้รับชัยชนะ K.O. (Knock out) ในยกแรก ได้รับเงินรางวัลจากชัยชนะในครั้งนั้นจำนวน ๑๒ บาท วันรุ่งขึ้นจึงขึ้นไปชกอีกครั้ง โดยได้รับเงินรางวัลจากชัยชนะในครั้งนี้จำนวน ๑๕ บาท ทำให้ดีใจมากจนมีการแข่งขันมวยนักเรียน ขึ้นชกในรุ่น ๑๐๘ ปอนด์ รุ่นเปเปอร์เวท ผลการแข่งขันชนะเลิศ ปีรุ่งขึ้นขึ้นชกอีกก็ได้รับชัยชนะอีก และชนะจนถึงวันชิงก่อนถึงซ้อมเชิงมวยที่บ้านซึ่งมีป่าไผ่และต้นไทรใหญ่ ระหว่างซ้อมถูกงูเขียวกัด เมื่อไปฉีดยาที่เสาวภา ปรากฏว่าแพ้ยาทำให้ตัวและมือบวม หมอสนามจึงห้ามขึ้นชกทำให้เสียใจมาก จนอาว์ผลพระประแดงครูมวยต้องพามาปลอบใจให้ปีหน้าแก้ตัวใหม่ ในปีนั้น เจริญ แดงเกษมจากโรงเรียนวัดสุทธิได้ไป ปี ๒๔๙๕ ขึ้นชกอีกและได้ชิงกับเจริญ แดงเกษม ผลที่ได้รับชนะเป็นปีที่ ๒ หลังจากนั้นไปชกที่สมุทรสงคราม มหาชัย ธนบุรี ชกมวยไทยทำให้มีเงินมาใช้จ่าย เข้าเรียนอยู่โรงเรียนช่างฝีมือกรมช่างอากาศทหารอากาศ ขึ้นชกมวยให้และได้แชมป์ถึง ๓ ปี และได้เสื้อสามารถถึง ๓ ตัว และปี ๒๔๙๗ ชนะมวยสากลสมัครเล่นทำให้ได้ไปแข่งขันในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ที่กรุงมนิลลา ประเทศฟิลิปปินส์ กลับมาเริ่มชกมวยอาชีพที่เวทีมวยราชดำเนิน ชนะครั้งที่ ๓ ครั้งที่ ๔ ก็ได้ขึ้นชกกับโผน กิ่งเพชร ในวันจันทร์ไปทำงานหัวหน้าจอม กุลละวนิชบอกให้ขึ้นชกกับโผน กิ่งเพชรในวันพฤหัสบดี ยกแรกต่อยโผนลงไปนับแปด ยก ๒ ปลายยกต่อยโผนลงไปนับอีกระฆังช่วยไว้ ยก ๓ ยก ๔ ต้องยอมปิดให้โผนชกเพราะหมดแรง จนถึงยก ๖ ได้ชกโผนลงไปนับอีก และได้ชัยชนะกลับลงมา รวมชกได้แชมป์ ๗ แชมป์ ได้รับเสื้อสามารถ ๔ เสื้อ คือ ได้จากกองทัพอากาศ ๓ เสื้อ และ ๑ เสื้อจากกรมพลศึกษา เมื่อครั้งไปชกเอเชียนเกมส์ ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ ผลจากการชกมวย เหมือนได้เดินทางไปเที่ยวจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศที่ผ่านมาที่สมุทรสงคราม ไปชกหลายครั้ง นครราชสีมา นครสวรรค์ หลังใกล้เลิกชกมวยเพื่อนชวนไปเที่ยว ไปพบกับปทุมคงคารุ่นพี่ ซึ่งเป็นนายทหารบกอยู่ที่ค่ายจีรประวัติ ทั้งที่ไม่ได้ซ้อมไปเลย ตอนนั้นโผนอยู่รองอันดับ ๑ ใกล้จะชิงแชมป์โลก กับเปเลต การชกในยกที่ ๒ ต่อยขวาตรงเข้าปลายคางของโผนลงไปนอน ตอนนั้น คนเงียบทั้งสนาม กรรมการจึงให้เลิก วันรุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์ประโคมข่าว โผนถูกเผาเครื่อง เคยไปชนะที่นครพนม ๒ คืนซ้อน จันทบุรีก็เคยชนะยกหนึ่ง ๒ คืนซ้อน มหาชัยก็เคยไปชนะยก ๑ ชลบุรีก็ไปชนะแทบทุกปีในงานประจำจังหวัด รวมทั้งที่จังหวัดระยอง ปราจีนบุรี ที่อรัญประเทศก็เคยไปชกชนะพีระ วีระชัย ยกแรก บ้านโป่งก็ไปชนะยกหนึ่ง ต่างประเทศก็ไปได้แชมป์ที่สิงคโปร์ มาเลเซีย เขมร ฟิลิปปินส์ ชก ๒ ครั้ง จำได้ว่าสมัยที่แม่มีชีวิตอยู่ ชกชนะทุกครั้งทั้งหมด ๖๕ ครั้ง กระทั่งที่เสียแม่ไปจึงมีแพ้บ้าง – ชนะบ้าง ในชีวิตที่ผ่านมาเคยไปชกมวยไทยที่ประเทศลาว ชนะ K.O. ยกแรก และได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้ฝึกสอนมวยที่เวียงจันทน์อยู่ ๒ ปี และเคยเป็นผู้ฝึกสอนมวยสากลให้กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัย อยู่ ๓ ปี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๑ – ๒๕๓๓ ทำให้นักกีฬามวยสากลสมัครเล่นของทีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เหรียญรางวัลทั้ง ๓ ปี ทั้งที่ ๑๘ ปีที่ผ่านมา จุฬาฯ ไม่เคยได้รับเหรียญรางวัลจากการแข่งขันกีฬาประเภทนี้เลยจากอธิการบดีของจุฬาฯ เล่าให้ฟัง โดยมาได้เหรียญทองในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นเจ้าภาพ โดยในวันชิงได้บอกเทคนิคการชกให้กับนักกีฬา โดยบอกให้นักกีฬามวยชกเพียง ๓ หมัด คือ แยบ ๒ หมัด และปล่อยหมัดขวาตรง นักกีฬามวยได้ทำตามเทคนิคที่บอกและได้รับชัยชนะ T.K.O. นักกีฬามวยถึงลงมากราบเท้าเพราะชนะตามคำที่บอก นักกีฬาผู้นั้นคือ สุรวุฒิ สุตตรา เมื่อกีฬามหาวิทยาลัยในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ สิ้นสุดลง จึงได้บอกทางอธิการบดีขอหยุดการสอน เพราะบ้านอยู่ไกลเหลือเกิน เดินทางไปกลับใช้เวลามากปัจจุบัน อายุ ๗๖ ปี พักอาศัยกับภรรยา และบุตรสาว 2 คน ที่บ้านลาดพร้าว 101 บางกะปิ กรุงเทพฯ